12 วิธีง่ายๆ ช่วยประหยัดแบตมือถือ Android ไม่ง้อ Powerbank

หลายคนคงเคยเจอปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็ว ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ในเครื่องไม่ได้มีท่าทีว่าจะเสื่อมสภาพแต่อย่างใด หรือบางคนเพิ่งซื้อโทรศัพท์มาใหม่ด้วยซ้ำ หลายคนอาจจะหาทางแก้ด้วยการพก แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ไปไหนมาไหนด้วยตลอด แต่ความจริงมีวิธีง่ายกว่านั้น เฮียแบทจะมาบอกวิธีง่ายๆ ทำได้เองไม่ยาก ที่จะช่วยประหยัดแบตมือถือ และยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานขึ้น คราวนี้เป็นคิวของฝั่ง Android จะมีวิธีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ

1.ปิดการใช้งานข้อมูลที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง

โดยปกติแล้วหลังจากการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันในมือถือ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานแอปพลิเคชันนั้นอยู่แต่ตัวแอปพลิเคชันนั้นจะมีการใช้งานอยู่ตลอดเวลา เรียกว่า การทำงานเบื้องหลัง ซึ่งนี่เป็นสาเหตุให้มือถือของหลายคนหมดไว วิธีแก้ไขคือการเข้าไปตั้งค่าเพื่อปิดการทำงานนี้ โดยไปที่

> การตั้งค่า
> แอป
> เลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการจำกัดข้อมูลพื้นหลัง
> เลือกข้อมูลมือถือ
> กด ปิด อนุญาตการใช้งานข้อมูลพื้นหลัง

2.ปิดการอัปเดตแอปพลิเคชันแบบอัตโนมัติ

การอัปเดตแอปพลิเคชันมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยให้มือถือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เร็วขึ้น มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น แต่การแจ้งเตือนเพื่อให้อัปเดตแอปพลิเคชันนั้นอาจทำให้หลายคนรำคาญ เลยเลือกที่จะตั้งค่าให้มือถือสามารถอัปเดตแอปพลิเคชันแบบอัตโนมัติได้เลย
ฟังดูแล้วเหมือนจะเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานแต่อาจจะไม่ถูกใจแบตเตอรี่เท่าไหร่ เพราะเป็นการสูบแบตเตอรี่อย่างมหาศาล ดังนั้นสิ่งที่ควรทำ คือ ปิดการอัปเดตแอปพลิเคชันแบบอัตโนมัติ เปลี่ยนเป็นนานๆ ทีเข้าไปเช็คแล้วค่อยกดอัปเดตแค่บางแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยดีกว่า โดยวิธีปิด แค่เข้าไปที่

> Play Store
> การตั้งค่า
> อัปเดตแอปโดยอัตโนมัติ
> อย่าอัปเดตแอปอัตโนมัติ

3.ปิดเสียงแจ้งเตือนและการสั่นที่ไม่ต้องการ

การแจ้งเตือนไม่ว่าแบบเสียงหรือแบบสั่น จากเสียงอื่นๆ อย่าง เสียงการชาร์จ เสียงล็อกหน้าจอ ล้วนส่งผลให้แบตเตอรี่ลดลงได้ทีละเล็กทีละน้อย ดังนั้นควรปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นจะได้ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้บ้าง โดยไปที่

> การตั้งค่า
> เสียงและการสั่น
> เสียงและการสั่นของระบบ
> กดปิดเสียงและการสั่นที่ไม่ต้องการ

นอกจากนี้การแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน ก็ส่งผลให้แบตเตอรี่ลดลงเช่นกัน ขณะที่หน้าจอดับอยู่ เมื่อมีแจ้งเตือนขึ้นมา หน้าจอก็จะสว่างขึ้นทุกครั้ง ถึงแม้จะเปิดแค่ระบบสั่นก็ยังกินพลังงานอยู่ดี วิธีปิดแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันให้ไปที่

> การตั้งค่า
> แอป
> เลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการปิดแจ้งเตือน
> เลือกการแจ้งเตือน
> กดปิดการแจ้งเตือนที่ไม่ต้องการ

4.ตั้ง Sleep Mode ให้เวลาสั้นลง

Sleep Mode หรือ ตั้งค่าการปิดหน้าจออัตโนมัติ ควรตั้งเวลาไม่นานมากเพื่อยืดระยะเวลาของแบตเตอรี่ หากตั้งไว้ที่ 1 นาที จะใช้พลังงานมากกว่าการตั้งไว้ 15 วินาที ถึง 4 เท่า ยิ่งตั้งเวลาน้อยก็ยิ่งประหยัดพลังงาน อีกข้อดีคือเวลาที่ลืมล็อคเครื่อง ก็จะได้ไม่เปลืองแบตเตอรี่ เพราะหน้าจอจะปิดไปเอง วิธีตั้งค่าให้ไปที่

> การตั้งค่า
> จอภาพ
> หมดเวลาหน้าจอ
> เลือก 15 วินาที

5.ปิดฟีเจอร์ที่ไม่ได้ใช้งาน (ในบางครั้ง)

เวลาใช้งานมือถือ บางครั้งจะมีฟีเจอร์ที่ไม่ได้ใช้แล้วแต่ก็ลืมปิดการใช้งาน เช่น Bluetooth, Wi-Fi, ตำแหน่ง GPS หรือ Hotspot ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้กินแบตเตอรี่มาก ดังนั้นหลังจากใช้งานแต่ละฟีเจอร์เสร็จก็อย่าลืมปิด ซึ่งทำได้ง่ายมาก แค่เลื่อนแถบแจ้งเตือนลงมาหรือเข้าไปปิดในการตั้งค่าก็ได้ และหากต้องการใช้อินเทอร์เน็ตการเลือกใช้ Wi-Fi จะกินพลังงานแบตเตอรี่น้อยที่สุด รองจากการใช้ 3G และ 4G

> การตั้งค่า
> การเชื่อมต่อ
> ปิดฟีเจอร์ที่ไม่ได้ใช้งาน

6.อย่าใช้วอลเปเปอร์ภาพเคลื่อนไหว ให้เลือกใช้วอลเปเปอร์สีดำ

หลายคนจะชอบวอลเปเปอร์แบบเคลื่อนไหวเพราะสวยกว่าแบบภาพนิ่งธรรมดาอยู่แล้ว แต่ไม่ถูกใจแบตเตอรี่เลย เพราะใช้พลังงานไม่น้อยทีเดียว ถ้าอยากประหยัดแบตเตอรี่ให้เลือกใช้แบบภาพนิ่งดีกว่า และใครที่ใช้หน้าจอแบบ AMOLED ให้ใช้ภาพพื้นหลังเรียบๆ อย่างสีดำ เพราะจอภาพ AMOLED ก็จะไม่ผลิตแสงออกมา หากภาพยิ่งดำมากเท่าไหร่ พลังงานที่ใช้ก็จะยิ่งลดน้อยลงไปด้วย

7.อย่าตั้งค่าปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ

การตั้งค่าความสว่างหน้าจออัตโนมัติ จะช่วยอำนวยความสะดวก แต่บางครั้งหน้าจออาจมีแสงสว่างมากเกินความจำเป็น ทำให้กินแบตเตอรี่ไปมาก ดังนั้นควรปรับความสว่างด้วยตัวเอง โดยเลือกที่มองแล้วสบายตาดีกว่าสว่างจ้าตลอดเวลา

> การตั้งค่า
> จอภาพ
> ปิดความสว่างปรับอัตโนมัติ

8.อย่าใช้ Widget ถ้าไม่จำเป็น

สมาร์ทโฟน Android จะมีฟีเจอร์ Widget ที่เป็นการดึงข้อมูลอินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันให้อยู่หน้า Home Screen แน่นอนว่าการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตต้องใช้พลังงานแบตเตอรี่ด้วย หลายคนอาจใช้เพราะความจำเป็น ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช้เพราะความสวยงาม ลองคิดดูอีกที เพราะ Widget เป็นอะไรที่ต้องอัปเดตตลอดเวลา เช่น สภาพอากาศ อีเมล์ ถ้าไม่ได้ต้องใช้ตลอดเวลาหรือคิดว่าไม่จำเป็น ไม่ใช้จะดีกว่า ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ด้วย

9.เปิดโหมดประหยัดพลังงาน

สำหรับ Android จะมีฟีเจอร์ Power Saving Mode หรือโหมดประหยัดพลังงาน โดยโหมดนี้จะช่วยตัดฟังก์ชันที่ไม่จำเป็น เช่น ปิดการทำงานเบื้องหลัง เอฟเฟคต่างๆ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้หลายชั่วโมงเลย

> ปัดหน้าจอลงมา
> กดเปิดโหมดประหยัดพลังงาน

10.ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้

บางแอปพลิเคชันที่ติดมากับเครื่องแล้วไม่ได้ใช้ หรือเกมบางเกมที่เล่นจนเบื่อแล้ว สามารถลบออกไปได้ เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้ เพราะถ้าเก็บไว้จะมีการทำงานเบื้องหลังของแต่ละแอปพลิเคชันอยู่ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่ทำงานตลอดเวลา (running background process) จะเปลือง RAM และแบตเตอรี่มาก

11.อย่าใช้แบตเตอรี่ปลอม เด็ดขาด

ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ของแท้จะมีราคาสูงกว่าของปลอม แต่คุณภาพและความปลอดภัยย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เชื่อเฮียแบทเถอะครับ คุ้มค่ากว่ามาก ใช้งานได้ดีกว่า นานกว่า และปลอดภัยกว่า (ของปลอมอันตรายแล้วแบตเตอรี่ยังหมดไวด้วย)

12.เทคนิคการชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว

อย่ารอให้แบตเตอรี่หมดหรือเหลือน้อยมากถึงค่อยชาร์จ ควรชาร์จเมื่อแบตเตอรี่อยู่ระหว่าง 30% และ 80% ระหว่างชาร์จก็ไม่ควรใช้งานไปด้วย และอย่านำโทรศัพท์ไปชาร์จในที่อากาศร้อน เช่น ลืมว่าชาร์จทิ้งไว้ในรถแล้วรถตากแดดอยู่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *