ช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 ภาครัฐได้ออกมาตรการเพื่อเยียวยาประชาชน ซึ่งหนึ่งในโครงการที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือ “คนละครึ่ง” ล่าสุดขาช้อปก็ได้เฮ ! กันอีกครั้ง เพราะรัฐบาลได้ปล่อยโครงการช่วยเหลือมากระตุ้นเศรษฐกิจกันอีกครั้ง กับโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่เปิดให้ลงทะเบียนได้ไม่นาน เท่านั้นยังไม่พอ ล่าสุดก็มีโครงการใหม่จากรัฐที่น่าสนใจอย่างโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” แต่โครงการไหน ที่ใช้แล้วคุ้ม เหมาะกับเรา ? วันนี้เรานำข้อมูลของทั้ง 2 มาตรการมาเปรียบเทียบให้พิจารณากัน
📌 มาดูกันที่โครงการแรก “คนละครึ่ง เฟส 3” (รับสิทธิได้ถึง 31 ล้านคน)
ใครได้สิทธิบ้าง ?
- ผู้มีบัตรประจำตัวประชาชน เป็นบุคคลสัญชาติไทย
- อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษผ่านบัตรประชาชน
- ไม่เข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
- ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
- ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3 เมื่อไร ?
ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ผ่าน www.คนละครึ่ง.com หรือแอปฯ เป๋าตัง (สำหรับคนที่เคยได้รับสิทธิในโครงการรัฐที่ใช้แอปฯ เป๋าตัง)
เงื่อนไขมีอะไรบ้าง ?
ใช้สิทธิซื้อสินค้าได้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
ไม่สามารถใช้สิทธิได้กับสินค้าประเภทสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาสูบ
ต้องจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เท่านั้น โดยต้องเติมเงินเข้าแอปฯ เป๋าตัง ให้เรียบร้อยก่อนซื้อสินค้า จากนั้นนำไปสแกนกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง
📌 ต่อมาพาไปส่อง โครงการน้องใหม่ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” (รับสิทธิได้ถึง 4 ล้านคน)
ใครได้สิทธิบ้าง ?
- ผู้ประกอบการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษผ่านบัตรประชาชน
- ไม่ใช้สิทธิคนละครึ่ง เฟส 3
- ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
- ลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้เมื่อไร ?
ลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลา 06.00-22.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน 2 ช่องทาง คือ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง พร้อมผูก G-Wallet สำหรับคนที่เคยเข้าร่วมมาตรการของรัฐที่เคยใช้แอปฯ เป๋าตัง
เงื่อนไขมีอะไรบ้าง ?
- เมื่อลงทะเบียนและได้รับสิทธิเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้สิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง
- เติมเงินเข้า G-Wallet แล้วนำไปสแกนจ่ายค่าสินค้ากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2564
- หลังจากใช้จ่ายแล้วจะได้รับเงินคืนในรูปแบบ E-Voucher เข้า G-Wallet ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป โดยจำกัดยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน/วัน หากใช้เกินจะไม่ถูกนำมาคิดเป็นยอดใช้จ่าย สามารถรับสิทธิ E-Voucher สูงสุดคืน 7,000 บาท/คน จากยอดใช้งานจ่ายสูงสุด 60,000 บาท/คน
- เมื่อได้รับ E-Voucher แล้ว สามารถนำไปใช้จ่ายในร้านที่ร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2564 แต่ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
- จะเลือกโครงการไหนดี โครงการไหนเหมาะกับใครมากกว่ากัน ?
คนละครึ่ง เหมาะกับใคร ?
จะเห็นได้ว่าร้านค้าส่วนใหญ่ที่อยู่ในโครงการคนละครึ่ง มีตั้งแต่ร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ตลาด ร้านโชห่วย เหมาะกับประชาชนคนที่ใช้จ่ายในแต่ละวันไม่ได้สูงมาก เช่น นักเรียน นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำ สามารถทยอยใช้จ่ายได้ เนื่องจากรัฐจะออกเงินให้ไม่เกินวันละ 150 บาท
ยิ่งใช้ยิ่งได้ เหมาะกับใคร ?
จากเงื่อนไขผู้มีสิทธิลงทะเบียนจะเป็นผู้ประกอบการร้านค้าที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งส่วนใหญ่ร้านที่เข้าร่วมจะเป็นร้านอาหาร เครื่องดื่ม ในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านค้าขนาดใหญ่ ดังนั้น จะเหมาะกับผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มคนมีรายได้สูง มีกำลังซื้อ หรือคนที่ต้องการซื้อสินค้าที่มีราคาสูง เพราะยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถซื้อสินค้ารวมกันได้สูงสุด 60,000 บาท
สรุปแล้ว จะเลือกโครงการคนละครึ่ง หรือยิ่งใช้ยิ่งได้ ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของเรา หากปกติชอบจับจ่ายจ่ายใช้ซอย เน้นบริโภคแบบชีวิตประจำวัน ตามร้านค้าทั่วไป ร้านอาหารเล็ก ๆ ตลาดสด ก็ควรเลือกลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 3 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ถ้ามีรายได้สูง ชื่นชอบการเดินห้าง ทานอาหารร้านหรู ๆ ใช้ของแบรนด์เนม หรือมีความต้องการซื้อสินค้ามีมูลค่าหลายชิ้น รวมยอดค่าใช้จ่ายได้หลักหมื่น มาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้อาจจะตอบโจทย์กว่า เพราะจะได้เงิน Cashback ไว้จับจ่ายใช้สอยกลับคืนมาอีกสูงสุด 7,000 บาท
เป็นยังไงกันบ้างจากข้อมูลข้างต้น คิดว่าตัดสินใจได้รึยัง ว่าจะเป็นทีมไหน ? ยังมีเวลาให้ตัดสินใจได้ สามารถเปลี่ยนโครงการได้ 1 ครั้ง ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 นี้
แต่อย่างที่ทราบกันว่า ทั้ง 2 โครงการการใช้งานจะต้องผ่านแอปพลิเคชั่นคุ้นหู “แอปเป๋าตังค์” ซึ่งจากประสบการณ์การใช้งาน แอปนี้มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียน การสแกนจ่ายเงินกับร้านค้า ถ้าอยากได้การใช้งานแบบรวดเร็ว ว่องไว ไม่หงุดหงิดใจ ความเสถียรของอินเทอร์เน็ตจึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับเรื่องนี้แล้วซิมเน็ตรายปี หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า “ซิมเทพ” สามารถตอบโจทย์การใช้งานแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ได้ เนื่องจาก ปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตของซิมเทพส่วนใหญ่ สามารถใช้งานได้ไม่จำกัด พร้อมทั้งมีความเร็วให้เลือกหลายช้อยส์ตั้งแต่ 10Mbps ไปจนถึง 300 Mbps แถมมาพร้อมกับโปรโมชั่นโทรฟรีไม่อั้นแบบจุก ๆ มีให้เลือกหลายค่าย True Dtac AIS เลือกได้ตามสไตล์ ความชอบของผู้ใช้งาน คุณสมบัติเวอร์วังขนาดนี้หลายคนอาจจะคิดว่า ซิมเน็ตเทพแบบนี้ต้องแพงรึปล่าว ? บอกเลยว่าราคาคุ้มค่ามาก เพราะเฉลี่ยรายเดือนตกเดือนละ 100 กว่าบาทเอง มั่นใจต่อจากนี้ หากคุณได้ใช้งานซิมเน็ตรายปี รับรองเอาแอปเป๋าตังค์ อยู่หมัด สแกนง่าย จ่ายคล่องขึ้นแน่นอน