บมจ. กิฟท์ อินฟินิท (GIFT) ทุ่มเม็ดเงินกว่า 625 ล้านบาท เข้าลงทุนซื้อหุ้น A Lot Techs (อะลอตเท็ค) บริษัทจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีและธุรกิจ E-commerce โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 40% มั่นใจในศักยภาพของธุรกิจที่มีฐานลูกค้าครอบคลุมและมีประสิทธิภาพในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเข้ามาเติมเต็มกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ของ GIFT ทั้งยังตอบรับในด้านเมกะเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคที่ใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังเผยแผนการขยายธุรกิจอื่นๆ มุ่งสร้าง New S-Curve ด้วยรายได้ 800 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2566 และมั่นใจรายได้เต็มปี 2567 จะทะลุเกิน 2,000 ล้านบาท พร้อมเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแรง
คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. กิฟท์ อินฟินิท (GIFT) กล่าวว่า ได้เข้าลงทุนใน A Lot Techs ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ด้วยมูลค่ากว่า 625 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% โดย A Lot Techs จะเข้ามาช่วยเติมเต็มอีโคซิสเต็มในการทำธุรกิจที่หลากหลายของ GIFT เพื่อนำไปสู่การขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้
โดย GIFT มีแนวทางในการทำธุรกิจที่หลากหลาย แต่ต้องเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยี ธุรกิจ Hospitality หรือธุรกิจ Food & Beverage ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเข้าลงทุนใน A Lot Techs ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายซิมการ์ด อุปกรณ์ไอที อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม อุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และธุรกิจ E-commerce ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า GIFT กำลังรุกและมุ่งไปยังไดเร็คชันใหม่ที่วางไว้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว
เราเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของ A Lot Techs และเล็งเห็นโอกาสในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องจากธุรกิจนี้ ด้วยศักยภาพของธุรกิจที่มีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ผสานกับฐานลูกค้าที่ครอบคลุมของ A Lot Techs รวมถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในมุมเทคโนโลยีและไอที
ทั้งนี้ หลังจากปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ GIFT จะประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่มธุรกิจ Technology & IT Solutions
- กลุ่มธุรกิจ Food & Beverage
- กลุ่มธุรกิจ Hospitality
“เรายังคงมองหาโอกาสในการต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในระหว่างการวางแผนกลยุทธ์เพื่อเริ่มดำเนินธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพและกำลังเติบโต รวมถึงมีการเจรจากับพาร์ทเนอร์ใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจร่วมกัน ซึ่งจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3 นี้ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง คาดว่าการดำเนินธุรกิจในไดเร็คชันใหม่จะเป็นการสร้าง New S-Curve ด้วยรายได้รวมกว่า 800 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2566 และมั่นใจว่ารายได้เต็มปี 2567 จะทะลุเกิน 2,000 ล้านบาท”
ที่มาข่าว : https://moneyandbanking.co.th/2023/51848