อยากรู้มั้ยว่าแอปที่เราโหลดมา กินแบตเตอรี่ขนาดไหน ? คำถามนี้มีคำตอบ เมื่อบริษท pCloud ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ได้ทำการวิเคราะห์แอปต่างๆกว่า 100 แอป เพื่อค้นหาว่าแอปใดที่กินแบตเตอรี่ในโทรศัพท์มากที่สุด ซึ่ง pCloud ได้จัดลำดับในรูปแบบของเปอร์เซนต์การกินแบตโดยพิจารณาจากการใช้ทรัพยากรในเครื่อง ยิ่งใช้ฟังก์ชั่นต่างๆเยอะ ปริมาณพลังงานที่ต้องสูญเสียไปก็มากขึ้น
วันนี้เราได้นำ 10 อันดับแอปสูบแบตที่ pCloud วิเคราะห์มาจัดลำดับ ถ้าอยากรู้ว่าจะมีแอปที่เราโหลดมาใช้รึเปล่า ตามไปอ่านได้เลยครับ 🙂
อันดับ 10. Bumble : 77 %
นี่คือแอปหาคู่ที่มาแรงไม่แพ้ Tinder ด้วยจุดเด่นของแอปที่ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเลือกในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ เพราะระบบของแอปนี้จะให้ฝ่ายหญิงเป็นผู้เริ่มต้นติดต่อก่อนเท่านั้น ด้วยความที่แอปเป็นบริการหาคู่กึ่งโชเชี่ยลมีเดีย ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรเบื้องหลังมากมายไม่ว่าจะเป็นการจับตำแหน่งโลเคชั่น ข้อมูล รูปภาพ ฟิลเตอร์ต่างๆ ก็ทำให้ Bumble ติดอันดับ 10 ของแอปที่สูบแบตมากที่สุด
อันดับ 9. Tinder : 77 %
ตามมาติดๆสำหรับแอปหาคู่ยอดฮิตอย่าง Tinder ที่ใช้ทรัพยากรเบื้องหลังใกล้เครียงกับแอปคู่แข่งอย่าง Bumble ทำให้เปอร์เซนต์การสูบแบตใกล้เคียงกัน แต่ Tinder เฉือนชนะไปเพียงหลักทศนิยม และได้ลำดับที่ 9
อันดับ 8. Instagram : 79 %
แอปโชเชี่ยลมีเดียประเภทรูปและคลิปสั้นที่มาแรงที่สุด ครองอันดับที่ 8 แอปจอมสูบแบตเพราะใช้ทั้งข้อมูลโลเคชั่น รูปภาพ คลิป รวมถึงข้อมูล Contact แอพมีคะแนนสูบแบตอยู่ที่ 79 % ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
อันดับ 7. Bigo Live : 82 %
แอปไลฟ์สดยอดฮิตที่ต้องใช้ทรัพยากรกล้องและปริมาณเน็ตจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นฝั่งวีเจหรือผู้รับชมต่างก็โดนสูบแบตไปอย่างรวดเร็ว ใครที่ใช้แอปนี้บ่อยๆคงรู้เรื่องนี้ดีของเขาแรงจนติดอันดับ 7 ด้วยเปอร์เซนต์การกินแบตที่ 82 %
อันดับ 6. Airbnb : 82 %
แอปจองที่พักออนไลน์ที่มีให้เลือกหลากหลายทั้งบ้านพักส่วนตัว ห้องเช่า โฮมสเตย์ ฯลฯ นี่ก็เป็นหนึ่งในแอพที่มีความต้องการในการใช้งานหลายส่วน รวมถึงมีการจัดเก็บ App History ด้วย ทำให้เปอร์เซนต์กินแบตสูงถึง 82%
อันดับ 5. Facebook : 82 %
แอปประจำเครื่องที่ขาดไม่ได้ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆที่เฟสบุ๊คนำมาใช้เพื่อตอบสนองการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นฟีด สตอรี่ การเช็คอิน การแจ้งเตือน รวมถึงคลิปวีดีโอที่มีให้ชม ทำให้แอปกินพลังงานแบตเตอรี่และติดลำดับที่ 5 ของแอปจอมสูบแบต
อันดับ 4. Skype : 87 %
แอปสื่อสารที่ผู้ใช้สามารถพิมพ์แชท คุยโทรศัพท์ และวีดีโอคอลหากันได้ ซึ่งการใช้งานที่หลากหลายก็แลกมาด้วยปริมาณแบตเตอรี่ที่ต้องสูญเสียไป จากการสำรวจของผู้จัดอันดับพบว่า Skype ใช้ทรัพยากรในเครื่องถึง 14 รายการจากจำนวนทรัพยากรที่สำรวจทั้งสิ้น 16 รายการ
อันดับ 3. Uber : 87 %
เนื่องจากเป็นแอพด้านการขนส่งจึงจำเป็นต้องใช้ตำแหน่งโลเคชั่นตลอดเวลา พลังงานที่สุญเสียไปจากการใช้งานก็มากตามไปด้วย ทำให้ Uber แซงแอปต่างๆขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 3 ของแอปที่สูบแบตมากที่สุดแอปหนึ่ง
อันดับ 2. Verizon : 92 %
แอปนี้คนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้น แต่ Verizon ถือเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งแอป Verizon ก็สร้างมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และการเชื่อมต่อผู้คนกับดิจิตัลในรูปแบบต่างๆ ซึ่งตัวแอปก็ใช้ทรัพยากรจากมือถือมากถึง 14 รายการ
อันดับ 1. Fitbit : 92 %
แอปที่สร้างมาเชื่อมต่อกับนาฬิกาอัจฉริยะ Fitbit ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ผู้ออกกำลังกาย ตัวแอปจึงมีการใช้งานเบื้องหลังทั้งในส่วนของมีเดีย wifi bluetooth รวมถึงมีการเก็บข้อมูลแทรคกิ้งกิจกรรมต่างๆของผู้ใช้งาน ตัวแอปจึงใช้พลังงานในระดับที่สูงมาก จนได้เปอร์เซนต์การใช้งานแบตเตอรี่ที่สูงถึง 92% โดยแซงแอปอันดับที่สองอย่าง Verizon ไปแบบเฉียดฉิว